Business – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 20 May 2025 13:35:31 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ธปท. เผย ‘คุณสู้ เราช่วย’ เฟส 2 ชัดเจน มิ.ย. นี้ ชี้การปรับเกณฑ์ลูกหนี้ค้างชำระ 1 วันเข้าร่วม ‘ต้องรอดูเงื่อนไข’ https://thestandard.co/bot-khunsoo-phase-2-june/ Tue, 20 May 2025 13:35:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1076486

วันนี้ (20 พฤษภาคม) สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่ากา […]

The post ธปท. เผย ‘คุณสู้ เราช่วย’ เฟส 2 ชัดเจน มิ.ย. นี้ ชี้การปรับเกณฑ์ลูกหนี้ค้างชำระ 1 วันเข้าร่วม ‘ต้องรอดูเงื่อนไข’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (20 พฤษภาคม) สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขยายขอบเขตการให้ความช่วยเหลือโครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFI) และต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการชุดต่างๆ จึงคาดว่าจะประกาศเกณฑ์ใหม่ หรือ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ระยะที่ 2 ได้ช่วงกลางเดือนมิถุนายน หรือปลายเดือนมิถุนายน 2568 ก่อนที่จะครบกำหนดปิดลงทะเบียนระยะแรกในวันที่ 30 มิถุนายนนี้

 

ดังนั้น กรณีที่มีข่าวจะขยายคุณสมบัติลูกหนี้ของมาตรการ ‘จ่ายตรง คงทรัพย์’ จากเดิมที่ต้องค้างชำระเกิน 30 วันขึ้นไป (ณ วันที่ 30 ตุลาคม 67) ปรับเป็นลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ 1 วันขึ้นไปนั้น สุวรรณีกล่าวว่า ขณะนี้ยังคงใช้เกณฑ์เดิมคือ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ต้องมีสถานะหนี้ค้างชำระ 30 วันขึ้นไป และหากจะขยายขอบเขตเป็นค้างชำระ 1 วัน ต้องดูว่าลูกหนี้เข้าข่ายเป็นอย่างไร และต้องมีเงื่อนไขอื่นประกอบด้วย

 

ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่เข้าโครงการคุณสู้ เราช่วย ระยะแรก สามารถเข้าร่วมระยะที่ 2 ได้ด้วย เพราะเป็นการขยายขอบเขตคุณสมบัติเท่านั้น แต่สิทธิประโยชน์ที่ได้รับยังเหมือนเดิม

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างหารือกับ ธปท. เพื่อขยายเงื่อนไขโครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ อาทิ การขยายคุณสมบัติลูกหนี้ของมาตรการ ‘จ่ายตรง คงทรัพย์’ จากเดิมที่ต้องค้างชำระเกิน 30 วันขึ้นไป (ณ วันที่ 30 ตุลาคม 67) ปรับเป็นลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ 1 วันขึ้นไป และเคยปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมมาตรการได้มากยิ่งขึ้น

 

เปิดความคืบหน้า ‘คุณสู้ เราช่วย’

 

สำหรับความคืบหน้าคุณสู้ เราช่วย ตั้งแต่เริ่มโครงการเดือนธันวาคม 2567 ถึง 19 พฤษภาคม 2568 พบว่า จำนวนลูกนี้ลงทะเบียนทั้งหมด 1.3 ล้านราย จากลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติทั้งหมด 1.9 ล้านราย แต่มีลูกหนี้ที่ลงทะเบียนแล้วสามารถเข้าร่วมโครงการได้ 580,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 30 ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติทั้งหมด หรือมียอดหนี้ 430,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48 ของยอดหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ 890,000 ล้านบาท

 

สุวรรณีกล่าวอีกว่า จากลูกหนี้ที่ลงทะเบียนแล้วสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ณ เดือนมีนาคม 2568 มีลูกหนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว คิดเป็นยอดหนี้ประมาณ 300,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อบ้าน เนื่องจากสถาบันการเงินสามารถติดต่อลูกหนี้ได้มากกว่าสินเชื่อประเภทอื่นๆ

The post ธปท. เผย ‘คุณสู้ เราช่วย’ เฟส 2 ชัดเจน มิ.ย. นี้ ชี้การปรับเกณฑ์ลูกหนี้ค้างชำระ 1 วันเข้าร่วม ‘ต้องรอดูเงื่อนไข’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘สุรเกียรติ์’ แนะไทย-สหรัฐฯ ลงทุน 4 ด้าน หนุนตั้งยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 10 ปี ลงทุนกับคนรุ่นใหม่ รับมือโลกที่ไม่แน่นอน https://thestandard.co/surakiat-thai-us-4-sector-strategy/ Tue, 20 May 2025 13:28:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1076482

‘สุรเกียรติ์’ แนะไทย-สหรัฐฯ ควรร่วมมือ 4 ด้าน และตั้ง ‘ […]

The post ‘สุรเกียรติ์’ แนะไทย-สหรัฐฯ ลงทุน 4 ด้าน หนุนตั้งยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 10 ปี ลงทุนกับคนรุ่นใหม่ รับมือโลกที่ไม่แน่นอน appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘สุรเกียรติ์’ แนะไทย-สหรัฐฯ ควรร่วมมือ 4 ด้าน และตั้ง ‘เวทีเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหรัฐฯ ระยะ 10 ปี’ ด้าน พิชัย รมว.คลัง ชี้ ไทยติด 1 ใน 25 ประเทศ ‘ตลาดเกิดใหม่’ น่าลงทุน ย้ำความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ยังแน่นแฟ้น รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือเจรจาภาษี ลดขาดดุลการค้า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

 

วันที่ 20 พ.ค. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในงาน Thailand-U.S. Trade & Investment Summit 2025: Building on a Longstanding Partnership โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) และหอการค้าประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Chamber of Commerce) ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยนั้นยาวนาน และสหรัฐฯ มีพื้นฐานจากค่านิยมร่วมและความเคารพซึ่งกันและกัน 

 

“ยุคที่โลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยีใหม่ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ไทยในฐานะพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์สามารถมีบทบาทเป็น ‘ผู้เชื่อมโยง’ และ ‘ผู้สร้างเสถียรภาพ’ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน”

 

ดร.สุรเกียรติ์มองว่า ไทย-สหรัฐฯ ควรวางแนวทางและขยายความร่วมมือด้านการค้า 4 ด้านหลัก คือ

 

  1. พลังงานสีเขียวและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไทยตั้งเป้าเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 

 

“แต่การบรรลุเป้าหมายนี้ต้องอาศัยการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น EV, Smart Grid และเทคโนโลยีสะอาด ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้นำระดับโลกในด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาด เรายินดีต้อนรับสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่ในฐานะ ‘นักลงทุน’ แต่ในฐานะ ‘หุ้นส่วน’ ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี การฝึกอบรม และโมเดลธุรกิจยั่งยืน”

 

  1. ความมั่นคงด้านอาหารและสุขภาพ แม้ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นผู้ส่งออกอาหารและบริการสุขภาพรายใหญ่ 

 

“เรามีศักยภาพในด้านเกษตรอินทรีย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ไปจนถึงไบโอเทค ขณะที่สหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญด้าน R\D นวัตกรรม และเงินทุน ลองจินตนาการถึงโลกที่ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโภชนาการ สุขภาพ และการดูแลของเอเชีย โดยร่วมพัฒนากับสหรัฐฯ ทั้งเรื่องมาตรฐานและวิทยาศาสตร์”

 

  1. การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและ AI ความสามารถในการแข่งขันในอนาคตอยู่ที่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งไทยกำลังผลักดันนโยบายด้าน AI ในภาคการเงิน อุตสาหกรรม ระบบงาน ไปจนถึงจริยธรรม ความปลอดภัยไซเบอร์ และการค้าดิจิทัล แต่เราจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ หากไม่มี ‘ความร่วมมือระดับโลก’ และ ‘ภาวะผู้นำที่รับผิดชอบ’ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้นำในเรื่องนี้

 

  1. การแลกเปลี่ยนบุคลากรและการศึกษา ความสัมพันธ์ของเราควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ‘คน’ ไม่ใช่แค่ ‘การค้า’ ประเทศไทยยินดีขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัย และโครงการผู้นำของสหรัฐฯ

 

“เราต้องร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและบริษัทสหรัฐฯ พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ในยุคที่โลกเปลี่ยนเร็ว อย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งผมเป็นประธานสภา ร่วมมือกับ MIT ในโครงการ Chula-MIT LGO (Leaders for Global Operations) ให้เรียนต่อระดับปริญญาโทที่วิศวกรรมศาสตร์และ CBS และต่อเนื่องที่ MIT เตรียมคนไทยให้พร้อมสำหรับโลกยุคใหม่”

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เสนอจัดตั้งความร่วมมือเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหรัฐฯ ระยะ 10 ปี

 

ทั้งนี้ ดร.สุรเกียรติ์ เสนอให้จัดตั้ง ‘เวทีเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหรัฐฯ’ สำหรับระยะ 10 ปี ที่เน้นความยืดหยุ่น นวัตกรรม ความทั่วถึง ความไว้วางใจ และการเชื่อมโยงทางด้านนโยบายเพื่อยกระดับความเป็นหุ้นส่วน “จากเชิงประวัติศาสตร์สู่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนและสร้างสรรค์”

 

โดยไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งภูมิภาคมีประชากร 660 ล้านคน มีเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตเร็ว และชนชั้นกลางที่ขยายตัว ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และยังคงเป็นหนึ่งใน ‘จุดเริ่มต้นที่น่าเชื่อถือ’ สำหรับการเข้าสู่ตลาดภูมิภาค สำหรับภาคธุรกิจสหรัฐฯ จุดแข็งของไทยไม่ใช่แค่เรื่อง ‘ภูมิศาสตร์’ แต่คือความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์ในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

 

“ไม่ว่าจะในเวทีการทูตหรือธุรกิจ ความไว้วางใจไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่มันถูกสร้างขึ้นจากเวลา ความเคารพซึ่งกันและกัน และการพูดคุยที่จริงใจ ผมเชื่อว่าเราต้องลงทุนกับคนรุ่นใหม่ทั้งไทยและอเมริกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเรายืนหยัด” ดร.สุรเกียรติ์ กล่าว

 

 

ไทยยินดี ‘ลดขาดดุลการค้า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์’

 

ด้าน พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐฯ แข็งแกร่งนับตั้งแต่สนธิสัญญาฉบับหนึ่ง ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่ปี 1966 หรือกว่า 50-60 ปีที่ผ่านมา 

 

โดยเฉพาะภาคพลังงานของสหรัฐฯ ได้เข้ามามีบทบาทเป็นพันธมิตรสำคัญของไทย มีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ 

 

“หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยพึ่งพาทรัพยากรด้านพลังงานในประเทศได้ถึง 100% แต่ในปัจจุบันความสามารถในการพึ่งพาตนเองลดลงเหลือเพียง 40% เท่านั้น อีก 60% เราจำเป็นต้องพึ่งการนำเข้า”

 

สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใหม่ในด้านการพัฒนาและการลงทุน ซึ่งสหรัฐฯ มีพื้นที่พลังงานอีกหลายแห่งในฝั่งตะวันตกและตอนใต้ โดยเฉพาะในทะเลลึก ที่ในอดีตอาจไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการสำรวจหรือพัฒนา แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบัน เชื่อว่าพื้นที่เหล่านี้อาจมีศักยภาพมากพอๆ กับพื้นที่อ่าวไทย

 

ทั้งนี้ ไทยยินดีลดดุลการค้า 15,000 ล้านดอลลาร์ เช่น การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นและลดภาษีสินค้าบางประเภทลง โดยมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบ Win-Win ซึ่งได้จัดทำข้อเสนอไปอย่างละเอียด และพร้อมที่จะเดินหน้าเจรจา

 

ชี้ไทยเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุด 25 อันดับแรกของโลก

 

พิชัยกล่าวอีกว่า ไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 9-10 ของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุดใน 25 อันดับแรกของโลกในปีนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีและโอกาสที่ไม่ควรมองข้าม จากดัชนีความเชื่อมั่นด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI Confidence Index 2025) โดยบริษัท Kearney จากแบบสำรวจเดียวกัน ยังระบุอีกว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 5 ด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุน 

 

สำหรับความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างไทย-สหรัฐฯ ถือเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ซึ่งปัจจุบันการลงทุนของบริษัทไทยในสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมมากกว่า 20 อุตสาหกรรม 

 

วันนี้จึงเป็นโอกาสการลงทุนแบบสองทาง (Two-way Investment) ไทยจะเปิดโอกาสในอีกหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคพลังงาน พร้อมขยายความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในหลากหลายสาขาหลัก เช่น ด้านดิจิทัล ที่บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Amazon Web Services, Google และ Microsoft ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว

 

ขณะที่ พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ แน่นแฟ้นยาวนานถึง 192 ปี ท่ามกลางสงครามการค้าหอการค้าไทย-สหรัฐฯ พร้อมรับความท้าทายใหม่ของเศรษฐกิจโลก พร้อมเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สมดุล

The post ‘สุรเกียรติ์’ แนะไทย-สหรัฐฯ ลงทุน 4 ด้าน หนุนตั้งยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 10 ปี ลงทุนกับคนรุ่นใหม่ รับมือโลกที่ไม่แน่นอน appeared first on THE STANDARD.

]]>
SME หมดแรงจ่ายหนี้? หนี้เสียธุรกิจเล็กพุ่ง! หนักกว่าช่วงโควิด ยอดปล่อยสินเชื่อแบงก์ให้ SME หดตัวหนัก 5.5% ใน 1Q68 https://thestandard.co/sme-debt-crisis-thailand-2025/ Tue, 20 May 2025 13:07:55 +0000 https://thestandard.co/?p=1076471

แบงก์ยังไม่ปล่อยสินเชื่อ ธปท. เผย สินเชื่อในระบบธนาคารพ […]

The post SME หมดแรงจ่ายหนี้? หนี้เสียธุรกิจเล็กพุ่ง! หนักกว่าช่วงโควิด ยอดปล่อยสินเชื่อแบงก์ให้ SME หดตัวหนัก 5.5% ใน 1Q68 appeared first on THE STANDARD.

]]>

แบงก์ยังไม่ปล่อยสินเชื่อ ธปท. เผย สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ใน 1Q68 ติดลบ 1.3% หดตัว 3 ไตรมาสติดต่อกัน โดยเฉพาะสินเชื่อ SME ที่หดตัวถึง 5.5% ต่างจากสินเชื่อธุรกิจใหญ่ที่ยังขยายตัวได้อยู่ โดยเมื่อเจาะดู หนี้เสีย (NPL) ก็พบว่า สัดส่วนหนี้เสีย SME ต่อสินเชื่อ SME ทั้งระบบ พุ่งแตะระดับ ‘สูงกว่า’ ตอนเกิดการระบาดของโควิดแล้ว

 

วันนี้ (20 พฤษภาคม) สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ในไตรมาส 1 ปี 2568 หดตัวอยู่ที่ 1.3% จากระยะเดียวกันปีก่อน นับเป็นการหดตัว 3 ไตรมาสติดต่อกัน และหดตัวหนักกว่าไตรมาส 4 ปี 2567 ที่หดตัวอยู่ที่ 0.4%

 

โดยปัจจัยหลักที่ทำให้สินเชื่อหดตัวในไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การชำระคืนหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และแม้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังขยายตัว แต่สินเชื่อธุรกิจ SME และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง 

 

สินเชื่อ SME ยังคง ‘หดตัว’ ทุกภาคธุรกิจ 

 

สุวรรณีกล่าวอีกว่า สินเชื่อ SME ยังคงหดตัวในทุกภาคธุรกิจ ที่หดตัว 5.5% โดยเฉพาะภาคการพาณิชย์ ส่วนหนึ่งมาจากการพิจารณาสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่เข้มงวด อย่างไรก็ดี ธปท. พบว่า กลุ่มที่เป็นลูกค้าเดิม ที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี และกลุ่มที่มีศักยภาพในการแข่งขันก็ยังคงได้รับสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง

 

ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงขยายตัวได้ในอัตรา 1.5% โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้สินเชื่อไปจะอยู่ในกลุ่มภาคอสังหา ธุรกิจการเงิน และภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กลุ่มผู้ส่งออกก็พบการเร่งตัวขึ้น โดยเป็นการเร่งตัวก่อนมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้

 

 

หนี้เสีย SME พุ่ง แตะระดับสูงกว่าช่วงก่อนโควิด

 

สุวรรณีเปิดเผยอีกว่า ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (non-performing loan: NPL) ไตรมาส 1 ปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.48 แสนล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.9% โดยปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย

 

เมื่อแยกตามขนาดธุรกิจพบ NPL ของสินเชื่อธุรกิจวงเงินน้อยกว่าหรือเท่ากับ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.35% ของสินเชื่อ SME ทั้งระบบ นับเป็นระดับ ‘สูงกว่า’ ตอนเกิดการระบาดของโควิดเสียอีก

 

สวนทางกับธุรกิจ ‘ขนาดใหญ่’ วงเงินมากกว่า 500 ล้านบาท ที่สัดส่วน NPL คงที่ที่ 1.01% ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมด

 

 

จับตา หนี้เสีย ‘ลาม’ สินเชื่อบ้านราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท

 

เมื่อแยกตามพอร์ตสินเชื่ออุปโภคบริโภคพบว่า สัดส่วน NPL ของสินเชื่อที่อยู่อาศัย ‘เพิ่มสูงต่อเนื่อง’ อยู่ที่ 4.10% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบ และสูงสุดเมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่ออุปโภคบริโภคประเภทอื่นๆ ดังนี้

 

  • สัดส่วน NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อ อยู่ที่ 2.20%
  • สัดส่วน NPL ของสินเชื่อส่วนบุคคล อยู่ที่ 2.95%
  • สัดส่วน NPL ของสินเชื่อบัตรเครดิต อยู่ที่ 3.35%
  • สัดส่วน NPL ของสินเชื่อที่อยู่อาศัย อยู่ที่ 4.10%

 

สุวรรณีกล่าวอีกว่า เมื่อแบ่งเป็นราคาบ้าน พบว่าสินเชื่อบ้านมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปกำลังมี NPL สูงขึ้น

 

“สำหรับ NPL สินเชื่อที่อยู่อาศัย เมื่อเจาะลงไปดูจำนวนบัญชี พบว่าบัญชีในกลุ่มบ้านที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท มีจำนวนบัญชี NPL ลดลง แสดงว่าส่วนที่เป็น NPL ก้อนใหม่เริ่มไต่ระดับมาในกลุ่มที่มีมูลค่าสูงขึ้น อยู่ที่กลุ่มบ้านมากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป” สุวรรณีกล่าว

 

ส่วนสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต แม้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเนื่องจากฐานสินเชื่อที่หดตัว แต่ถ้าไปดูที่ปริมาณสินเชื่อ หรือปริมาณ NPL ที่เป็นเม็ดเงินยังคงปรับลดลง 

 

สำหรับ NPL ในระยะต่อไป สุวรรณีกล่าวว่า จากข้อมูลแนวโน้ม (Trend) พบว่า ยังมีน่าความกังวลอยู่ โดยความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ยิ่งเพิ่มเติม ความกังวลนี้ สมมติว่าหากการส่งออกได้รับผลกระทบ มีการปลด (Layoff) คนงาน ก็จะเพิ่มความกังวลต่อ NPL เข้าไป ดังนั้นจึงต้องรอดูผลการเจรจา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่อีกที

 

สำหรับสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR) ปรับลดลง โดยหลักจากการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้สัดส่วนทรงตัวอยู่ที่ 6.97%

 

 

เปิดภาพรวมหนี้ครัวเรือนต่อ GDP จ่อลดต่ำกว่า 88% ต่อ GDP

 

สำหรับภาพรวมหนี้ครัวเรือนต่อ GDP พบว่าทยอยปรับลดลงจากจุดสูงสุด เมื่อช่วงประมาณกลางปี 2564 ต่อเนื่อง จากระดับ 94.6% ต่อ GDP เหลืออยู่ที่ 88.4% ต่อ GDP

 

นอกจากนี้ สุวรรณียังกล่าวว่า จากตัวเลขสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่หดตัว และ GDP ที่ยังขยายตัวได้ในไตรมาส 1 ปี 2568 จึงคาดว่าหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาส 1 ของปีนี้น่าจะปรับลดลงอีก โดยอาจจะต่ำกว่า 88% ต่อ GDP

 

The post SME หมดแรงจ่ายหนี้? หนี้เสียธุรกิจเล็กพุ่ง! หนักกว่าช่วงโควิด ยอดปล่อยสินเชื่อแบงก์ให้ SME หดตัวหนัก 5.5% ใน 1Q68 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ทำฟรังนี้ให้ดีที่สุด’ ตำราธุรกิจและชีวิตแบบ ฟรัง นรีกุล คุณหมอครีเอเตอร์ที่พอขายของได้นิดหน่อย https://thestandard.co/frungnarikunn-business-mindset/ Tue, 20 May 2025 12:05:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1076462 ฟรัง นรีกุล

สำหรับบางคนอาจเกิดมาเพื่อทำอะไรสักอย่างก็เพียงพอแล้ว แต […]

The post ‘ทำฟรังนี้ให้ดีที่สุด’ ตำราธุรกิจและชีวิตแบบ ฟรัง นรีกุล คุณหมอครีเอเตอร์ที่พอขายของได้นิดหน่อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฟรัง นรีกุล

สำหรับบางคนอาจเกิดมาเพื่อทำอะไรสักอย่างก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับบางคนเกิดมาเพื่อทำอะไรได้หลายๆ อย่าง และบางครั้งชีวิตมันอาจจะอลวนถึงขั้นทำอะไรหลายอย่างไปพร้อมๆ กันด้วย

 

ฟรัง-นรีกุล เกตุประภากร เป็นหนึ่งในคนประเภทหลัง ที่แม้จะได้เห็นและผ่านตากับหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอทำมาไม่ว่าจะเป็นบทบาทแรกที่ทำให้ทุกคนรู้จักอย่างการเป็นดารานักแสดง บทบาทสำคัญที่ใช้ทั้งชีวิตเพื่อแลกมันมาอย่างการเป็นแพทย์หญิง  และบทบาทสนุกๆ อย่างการเป็นครีเอเตอร์

 

แต่อีกบทบาทที่เธอกำลังจริงจังกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ คือสิ่งที่เป็นความลุ่มหลงที่ซ่อนตัวลึกอยู่ภายในใจมาโดยตลอดแต่ถูกเก็บไว้ไม่ได้บอกให้ใครรู้ก่อนนี้ ก่อนจะระเบิดออกมากลายเป็น 3 ธุรกิจในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ปีเศษ

 

“ถ้าถาม ตอนนี้ต้องบอกว่าชอบการทำธุรกิจมากที่สุด” เธอตอบอย่างมั่นใจ

 

แล้วการทำธุรกิจไปจนถึงการใช้ชีวิตในแบบของสุภาพสตรีวัย 27 ปีคนนี้เป็นแบบไหน?

 

ครีเอเตอร์คุณหมอนักธุรกิจหันมาบอกว่า “เดี๋ยวเล่าให้ฟรัง!”

 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ฟรังที่ไม่คาดฝัน

 

หมวกใบแรกของนรีกุลที่ทำให้ทุกคนรู้จักเธอคือบทบาทนักแสดง ‘ออย’ ตัวละครในซีรีส์ฮอร์โมน ซีซัน 3 ซึ่งเป็นเหมือนนามบัตรแนะนำตัวที่ดีต่อโลกใบนี้

 

“สวัสดี ฉันชื่อ ฟรัง นรีกุล” 

 

แต่ในเบื้องหลังแล้วเธอไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเป็นนักแสดงเต็มตัวไปตลอดชีวิตแต่อย่างใด เพียงแต่การมองเห็นโอกาสในการได้คัดเลือกเข้าร่วมเป็นนักแสดงในซีรีส์ และความที่เป็นแฟนของซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่ซีซันแรก ทำให้มองว่าเรื่องนี้เป็นโอกาสที่ไม่ใช่จะหาได้ทั่วไป

 

“เราอยากรู้ว่าการทำงานเบื้องหลังในซีรีส์มันเป็นอย่างไร” 

 

จากความสงสัยในแบบของเด็กเนิร์ดคนหนึ่งของเธอ ซึ่งก็มีส่วนคล้ายกับตัวละครในเรื่องอย่างออย เด็กเนิร์ดที่มีปมบางอย่างอยู่ในตัว มันได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่ใหญ่กว่า ถึงแม้มันจะมีสิ่งที่ต้องแลกไม่น้อยก็ตามของความเป็นคนมีชื่อเสียง

 

แต่สิ่งที่ฟรังแตกต่างจากออยคือ ปมในใจของเธอคือการไม่อยากเป็นนักแสดงไปตลอดชีวิต

 

เธอมีความฝันที่มากกว่านั้น

 

คำว่าฟรังแปลว่าอิสระ

 

ความฝันแรกที่เป็นแสงนำทางตลอดชีวิตของนรีกุลคือการเป็น ‘คุณหมอ’ เพื่อช่วยเหลือผู้คน ซึ่งเป็นความฝันตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับความยากลำบากขนาดไหนเธอก็ไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายก็ได้กลายเป็น ‘หมอฟรัง’ สำเร็จ

 

โดยที่ทุกวันนี้ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้คนตามความตั้งใจอยู่

 

แต่ในระหว่างทาง อีกสิ่งที่นรีกุลได้ค้นพบคือความสามารถในการเป็นนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ในแบบที่เรียกกันตามยุคสมัยว่า ‘คอนเทนต์ครีเอเตอร์’ ซึ่งเริ่มต้นจากการทำคอนเทนต์บนช่องของเธอเองที่ตั้งชื่อได้น่ารักและติดหูว่า ‘เล่าให้ฟรัง’ เสมือนว่าฟรังมาเล่าให้ฟังอีกทีบน YouTube และ Facebook Page

 

คอนเทนต์ตอนแรกของเล่าให้ฟรังเมื่อ 6 ปีที่แล้วเป็นคอนเทนต์ง่ายๆ ‘One Day With Frung’ ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงของเธอ และต่อด้วยคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากอย่าง ‘เทคนิคการอ่านหนังสือและการจำแบบฟรังๆ’ 

 

จากจุดเริ่มต้นที่ดูเหมือนง่ายๆ ตรงนี้ทำให้เธอค้นพบว่าการทำคอนเทนต์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแบ่งปันเรื่องราวชีวิตตัวเองสนุกๆ เท่านั้น แต่มันเป็นไปได้มากกว่านั้นมาก

 

โดยเฉพาะการค้นพบว่าบทบาทครีเอเตอร์นี้คือคำว่า ‘อิสระ’ ในแบบที่เป็นตัวของเธอเอง เล่าเรื่องในแบบของเธอเอง ซึ่งแล้วแต่ว่าอยากจะนำเสนอเรื่องไหน อาจจะเป็นการแชร์ชีวิตในแต่ละวัน แชร์สิ่งที่เจอมา ไปจนถึงความรู้ดีๆ ที่อยากแบ่งปัน

 

ปัจจุบันฟรังยังมีช่องทางบนแพลตฟอร์ม TikTok ‘frungnarikunnn’ ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยจำนวนผู้ติดตามมากกว่า 7 แสนคน ซึ่งเธอสามารถแบ่งปันเรื่องราวอย่างง่ายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีกองถ่ายและผู้คนมากมายเหมือนในกองถ่ายซีรีส์ 

 

บางครั้งเพียง iPhone เพียงเครื่องเดียวตัดต่อก็นับว่าเพียงพอแล้ว เพราะอุปกรณ์สมัยใหม่พัฒนามาไกลจนสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ได้ ตอบโจทย์คนที่มีเอเนอร์จี้ล้นเหลือ (แม้จะยอมรับว่าหลังๆ ก็แบ่งเวลายากเหมือนกัน) 

 

“เราเป็นคนชอบอิสระมากๆ” นรีกุลบอก “แต่ในเวลาเดียวกันก็ดื้อมากๆ ด้วย”

 

ฟังประโยคนี้ภาพของกองทัพธานอสที่เดินทางข้ามจักรวาลผ่านประตูมิติบุกโลกก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที ก่อนที่ฟรังจะดึงสติกลับมาด้วยสีหน้าจริงจังของเธอ

 

“แต่จริงๆ แล้วอยากเป็นนักธุรกิจมาตลอด”

 

ทำธุรกิจแบบฟรังๆ

 

“ทำไมผู้หญิงจะมีชุดสูทสวยๆ บ้างไม่ได้!” นรีกุลเล่าถึงแรงบันดาลใจหรือในเวลาเดียวกันอาจจะเป็นแรงฮึดที่ทำให้เธอตัดสินใจทำธุรกิจแรกของตัวเอง

 

‘Ellis’ ร้านตัดชุดสูท (และเสื้อเบลเซอร์) ในแบบเพื่อนหญิงพลังหญิง

 

แน่นอนทุกอย่างต้องเริ่มจาก ‘ความเป็นฟรัง’ ก่อนหรือในภาษาง่ายๆ คือทุกอย่างต้องเริ่มจากสิ่งที่เธอสนใจก่อน และความสนใจแรกของเธอคือความคิดที่อยากจะตัดชุดสครับ (Scubb Suit) หรือชุดออกตรวจสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องใส่เป็นประจำ

 

ปัญหาคือถึงจะมีไอเดียแต่ไปต่อไม่ได้ เพราะไม่สามารถตามหาเนื้อผ้าที่ถูกใจสำหรับนำมาตัดชุดได้ และอีกอย่างคือตลาดนั้นแคบเกินไปเพราะชุดแบบนี้ขายได้เฉพาะแต่ลูกค้าที่ทำงานในโรงพยาบาลเท่านั้น

 

ความฝันจึงถูกเบนเป้าต่อมาถึงสิ่งที่เธอสนใจ หรือบางทีอาจจะเรียกว่าสิ่งที่เธอคาใจ เพราะในฐานะแพทย์หญิงนรีกุลต้องเดินทางเข้าร่วมประชุมทางการแพทย์อยู่บ่อยๆ แต่ไม่สามารถหาชุดสูทสวยๆ ใส่ออกงานได้ง่ายนัก

 

จาก Pain Point ของคุณหมอสาวที่อยากใส่ชุดสูทสีสวยๆ เนื้อผ้าดีๆ ไปงาน จึงนำไปสู่การเปิดร้านเสื้อสูท Ellis ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ Custom-Made แต่เป็นงาน Tailor-Made ใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง เสมือนตัดสูทใส่เอง

Ellis ซึ่งเริ่มในช่วงต้นปี 2004 ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร มีกลุ่มลูกค้าในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไปที่นอกจากจะมีสไตล์ก็มีสตางค์ มีกำลังซื้อด้วย

 

แต่สิ่งที่อาจจะเป็นความสำเร็จที่สุดในเรื่องนี้คือการที่เธอได้ทำในสิ่งที่เก็บไว้ในใจตลอดมา

 

“ฉันได้เป็นนักธุรกิจแล้ว!”

 

และธุรกิจเดียวสงสัยจะไม่พอแล้วสำหรับหมอฟรัง!

 

 

น้ำผลไม้ใกล้ฟรัง

 

นับตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมาตลาดธุรกิจร้านเครื่องดื่มหวานเย็นชื่นใจในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครนับว่าดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง เดือดจนเกินกว่าคำว่า ‘Red Ocean’ จนแทบจะกลายเป็น ‘Dead Ocean’

 

แต่สำหรับนรีกุลแล้ว คลื่นมหาสมุทรโหมกระหน่ำรุนแรงแค่ไหน เธอก็พร้อมชูมือขึ้นฟ้าแบบลูฟี่ในเรื่องวันพีซ แล้วบอกทุกคนว่าออกเดินทางไปด้วยกัน!

 

ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ‘Mooood’ เกิดขึ้นจากความชื่นชอบส่วนตัวในการดื่มสมูทตี้จึงคิดอยากทำร้านสมูทตี้ – ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทย – ในแบบของเธอเอง

เหมือนเดิมกับร้าน Ellis ถ้าฟรังจะขาย ฟรังจะขายแต่ของดี เครื่องดื่มของ Mooood จึงเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยด้วยวัตถุดิบที่ดีด้วยการเลือกใช้ผลไม้สด (ในขณะที่แบรนด์ใหญ่ใช้ผลไม้แช่แข็ง) แต่กินได้โดยไม่รู้สึกผิดต่อตัวเองมากสำหรับคนรักสุขภาพเพราะไม่ได้หวานจนเกินไปโดยมีพาร์ตเนอร์อย่างเพื่อนที่เป็นเชฟช่วยคิดค้นสูตรให้ (และเธอต้องชิมเองทุกสูตร)

 

ปัญหาคือบางครั้งความฟรังก็ตัดสินใจไวเกินไปไม่ได้ศึกษาตลาดอย่างถี่ถ้วนมากพอ โดยที่ร้านสาขาแรกตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ตอนนี้ได้ชื่อว่าโหดและปราบเซียนที่สุดของกรุงเทพฯอย่างย่านบรรทัดทองด้วย

 

“เริ่มจากสิ่งที่อินก่อน แล้วค่อยเรียนรู้ระหว่างทาง” เธอบอกด้วยรอยยิ้มที่ดูแห้งนิดหน่อย ก่อนสารภาพว่า “ลืมคิดไปว่าคนมาบรรทัดทองเขามาเพื่อหาของของอร่อยๆ อ้วนๆ กัน”

 

แต่คงเป็นเพราะตัวโปรดักต์ที่ดีของ Mooood ที่ตั้งใจจะถามไถ่ทุกคนว่า “What’s your Mooood today?” และอยากจะทำให้ทุกคนอารมณ์ดีไปกับเครื่องดื่มแก้วพิเศษ ทำให้ร้านยังมียอดขายจากลูกค้าขาประจำที่สั่งจากบริการเดลิเวอรี รวมถึงจากคนเล่นฟิตเนสที่อยู่ใกล้ๆ ร้าน

 

และสิ่งที่ได้เรียนรู้ทำให้เธอค้นพบ ‘คีย์’ สำคัญบางอย่างจนนำไปสู่การเปิดสาขาที่ 2 อย่างเป็นทางการที่ย่านทองหล่อ ซึ่งไม่ได้เป็นสาขาใหญ่ที่ต้องลงทุนเยอะ แต่เน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจากบริการเดลิเวอรีแทน

 

“เป้าหมายอยากจะมีให้ถึง 10 สาขาในปีนี้เลย” เธอตอบฉะฉานก่อนเผยรอยยิ้มออกมา

 

“ทำได้จริงหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ตั้งเป้าเอาไว้ก่อนแล้วกัน”

 

 

ทำฟรังนี้ให้ดีที่สุด

 

สิ่งที่นรีกุลไม่ได้บอกแต่เราได้เห็นผ่านช่องทางต่างๆ ของเธอคือการที่เธอมักจะมีโอกาสได้พูดคุยกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายคน

 

บทสนทนาในคอนเทนต์เหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำสนุกๆ แต่มันคือบทเรียนนอกห้องเรียนจากชีวิตจริงของคนที่มีประสบการณ์ที่ถ่ายทอดออกมาก่อนถูกสกัดเป็นวิชาในการทำธุรกิจในฉบับของหมอฟรัง


ล่าสุดเธอเปิดตัวธุรกิจใหม่คลินิกความงาม ‘ONE Surgery & Aesthetics Clinic’ ซึ่งเป็นธุรกิจอย่างที่ 3 ของเธอภายในช่วงระยะเวลาเพียงปีเศษ เพียงแต่ครั้งนี้เธอทำร่วมกับเพื่อนๆ และจริงจังขึ้นกว่าที่ผ่านมาเพราะมองเห็นโอกาสและศักยภาพในตลาดการเสริมความงามในประเทศไทย

 

รวมถึงการมี ‘Insight’ บางอย่างจากการเป็นคุณหมอผู้เชื่อว่าหมอความงามของไทยไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะหากมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีเท่ากับต่างประเทศอย่างเกาหลีที่ถือเป็นกระบี่มือหนึ่งของวงการในด้านนี้

 

“เราสามารถเป็น Destination ของเรื่องความสวยงามความงามได้นะ” นักแสดงสาวผู้ยืนยันว่าก็ยังพร้อมพิจารณางานแสดง เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่เธอสนุกมากที่สุดคือการทำธุรกิจ บอกถึง Goal ในธุรกิจนี้ของเธอ

 

และ Goal ส่วนตัวคือการที่อยากเห็นทุกธุรกิจของเธอดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวเอง ให้คนจดจำ Ellis, Mooood รวมถึง ONE Surgery ด้วยแบรนด์เองโดยไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปผูกกับแบรนด์ ซึ่งทุกวันนี้ยังต้องทำหน้าที่พรีเซนเตอร์ทำคอนเทนต์โปรโมตเองบ้าง 

 

ไม่นับการต้องศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ ซึ่งล่าสุดเธอบอกว่ากำลังศึกษาวิธีการใช้งาน Apple Intelligence บนมือถือของเธอ รวมถึงฟีเจอร์การทำงานใหม่ๆ ที่จะช่วยในการทำงานร่วมกับทีมอย่าง Continuity หรือแม้แต่การปรับความละเอียดของภาพใน iPhone ที่ถ่ายโปรดักต์ได้สบายๆ

 

เพราะลึกๆ แล้วเห็นแบบนี้เธอแอบสารภาพว่าเป็น Introvert คนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ มากกว่า

 

แต่แน่นอนว่าการจะไปถึงปลายทางนั้นไม่ง่าย ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกบ้างในวันข้างหน้า 

 

เบื้องหน้าของรอยยิ้ม คอนเทนต์สนุกๆ มีเพียงคนใกล้ตัวที่จะรู้ว่าหลังฉากแล้วในแต่ละมื้อแต่ละเดย์ ฟรัง นรีกุล ต้องเรียนรู้หนักแค่ไหน ไปจนถึงผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความท้อแท้ ผิดหวังมาแค่ไหน บางเรื่องแม้จะดูเป็นเรื่องง่ายที่สุดแต่การแซะตัวเองจากที่นอนในวันที่อ่อนล้าที่สุดก็เป็นเรื่องที่ยากที่สุดได้เหมือนกัน

 

แต่ถึงอย่างน้อยเธอก็ไม่เคยหยุด และย้ำคำง่ายๆ ที่เป็นแรงผลักดันในแต่ละวันของเธอ

 

“ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ” เธอบอกด้วยคำพูด 

 

ส่วนแววตานั้น แม้จะพูดไม่ได้ แต่ประกายในนั้นพยายามบอกให้เรารู้ว่าเธอจะ ‘ทำฟรังคนนี้ให้ดีที่สุด’

The post ‘ทำฟรังนี้ให้ดีที่สุด’ ตำราธุรกิจและชีวิตแบบ ฟรัง นรีกุล คุณหมอครีเอเตอร์ที่พอขายของได้นิดหน่อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจาะลึก INETREIT กองทรัสต์ Data Center ที่จ่ายปันผล ‘รายเดือน’ กองแรกและกองเดียวในไทย [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/inetreit-data-center/ Tue, 20 May 2025 11:00:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1073791 INETREIT Data Center

ในโลกการลงทุนที่สินทรัพย์ทางเลือกเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคั […]

The post เจาะลึก INETREIT กองทรัสต์ Data Center ที่จ่ายปันผล ‘รายเดือน’ กองแรกและกองเดียวในไทย [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
INETREIT Data Center

ในโลกการลงทุนที่สินทรัพย์ทางเลือกเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อพอร์ตการลงทุนมากขึ้น ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์’ หรือ REIT (Real Estate Investment Trust) ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมพอร์ตการลงทุนให้มั่นคงมากขึ้น ด้วยความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่ค่อนข้างมั่นคงและสม่ำเสมอ

 

ขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย หรืออาคารสำนักงาน แต่ยังรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในยุคเทคโนโลยีอย่าง Data Center

 

หนึ่งในกอง REIT ที่น่าสนใจคือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต (INETREIT) ซึ่งมีจุดเด่นจากการเป็นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยในปัจจุบัน ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยเป็น ‘รายเดือน’ และเป็น ‘กองทรัสต์แรกของไทย’ ที่ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่าง Data Center แบบ 100% เริ่มจ่ายไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 

INETREIT คือใคร? ลงทุนในอะไร?

 

INETREIT คือ กองทรัสต์ที่ลงทุนในโครงการ INET-IDC3 จังหวัดสระบุรี (ปัจจุบันลงทุนใน Phase ที่ 1 และ Phase ที่ 2 (ครึ่งเฟส)) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ สินทรัพย์หลักนี้ให้บริการด้าน Cloud Computing และ Co-location แก่องค์กรต่างๆ ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมหาศาลต้องการพื้นที่จัดเก็บและประมวลผลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง

 

จุดเด่นสำคัญคือ INETREIT มีรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอจากการให้เช่า Data Center แก่ผู้เช่าเพียงรายเดียว คือ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Cloud และ Digital Platform ชั้นนำของไทย ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว พร้อมเงื่อนไขการปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยที่ 2% ต่อปี ช่วยสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา INET มีรายได้รวมกว่า 2,500 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 380 ล้านบาท

 

ทำไมการลงทุนใน Data Center ถึงน่าสนใจ?

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล การเติบโตของ Cloud Computing, Big Data, AI, IoT และ Digital Platform ต่างๆ ทำให้ความต้องการใช้ Data Center พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

ประเทศไทยเองกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการลงทุนด้านนี้ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลกให้เข้ามาตั้งศูนย์กลาง Data Center เห็นได้จาก คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวม Data Center ในประเทศไทยจะเติบโตในอัตราเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 4.8% ในช่วงปี 2566 ถึง 2570

 

การลงทุนใน INETREIT จึงเปรียบเสมือนการลงทุนใน ‘เมกะเทรนด์’ แห่งอนาคตโดยตรง เป็นการจับจองโอกาสเติบโตไปพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจยุคใหม่

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาถึงอัตราผลตอบแทน INETREIT มีการจ่ายปันผล เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ราว 8% ต่อปี (อัตราผลตอบแทนขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและราคาตลาดของหน่วยทรัสต์) พร้อมโอกาสเติบโตในระยะยาว

 

ผลประกอบการของ INETREIT ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยอยู่ในทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง

 

  • ปี 2564 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 299.75 ล้านบาท
  • ปี 2565 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 323.07 ล้านบาท
  • ปี 2566 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 310.01 ล้านบาท
  • ปี 2567 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 435.97 ล้านบาท

 

สำหรับนักลงทุนทุกระดับที่มองหาการลงทุนระยะยาว ต้องการสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอรายเดือน และต้องการมีส่วนร่วมในการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล INETREIT ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง ด้วยความมั่นคงของรายได้ การเติบโตตามเมกะเทรนด์ และนโยบายปันผลรายเดือนที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ INETREIT เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ควรค่าแก่การพิจารณาเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับพอร์ตการลงทุนยุคปัจจุบัน

The post เจาะลึก INETREIT กองทรัสต์ Data Center ที่จ่ายปันผล ‘รายเดือน’ กองแรกและกองเดียวในไทย [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
HANA – 1Q68 กำไรสุทธิดีกว่าคาด จากรายได้อื่นที่เกิดขึ้นครั้งเดียว https://thestandard.co/market-focus-hana-2/ Tue, 20 May 2025 10:14:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1076392 HANA

เกิดอะไรขึ้น: เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 บมจ.ฮานา ไมโค […]

The post HANA – 1Q68 กำไรสุทธิดีกว่าคาด จากรายได้อื่นที่เกิดขึ้นครั้งเดียว appeared first on THE STANDARD.

]]>
HANA

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) รายงานผลประกอบการ 1Q68 โดยมีกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท สูงกว่าที่ Consensus คาดการณ์ไว้ 116% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 52.7%YoY และ 127.7%QoQ เนื่องจากมีการบันทึกรายได้อื่นค่อนข้างสูงที่ 340 ล้านบาท ใน 1Q68 (1Q67: 95 ล้านบาท, 4Q67: 71 ล้านบาท) ซึ่งหลักๆ เกิดจากรายได้ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับ FT1 (บริษัท JV ร่วมกับ PTT) จำนวน 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 238 ล้านบาท 

 

กำไรปกติ 1Q68 อยู่ที่ 220 ล้านบาท ลดลง 40%YoY เพราะได้รับผลกระทบจากความต้องการสินค้าโดยรวมที่ชะลอตัวลง รายได้ อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท ใน 1Q68 ลดลง 17.6%YoY และ 5.9%QoQ จากทุกธุรกิจ ซึ่งรวมถึงรายได้ที่ลดลง 15.4%YoY จากธุรกิจ PCBA รายได้ที่ลดลง 20.5%YoY ในธุรกิจ IC (OSAT) และรายได้ที่ลดลง 14.6%YoY ในธุรกิจ Micro Display จากความต้องการสินค้าที่ชะลอตัวลง อัตรากำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานปกติ ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 5.6% ใน 1Q68 เทียบกับ 10.8% ใน 1Q67 และ 5.3% ใน 4Q67 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่อ่อนแอและต้นทุนคงที่สูง

 

ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ 

แนวโน้มสำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงท้าทาย ภาพรวมสถานการณ์ของบริษัทยังอยู่ในทิศทางที่ไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังต้องอาศัยการเจรจาของภาครัฐฯ ของไทยและกัมพูชา โดยกรณีฐานของ HANA ที่คาดไว้คือ อัตราภาษีนำเข้า 10% และการพิจารณา local Content หรือ Certificate of Origin นั้นจะเป็นการออกมาเป็นมาตรฐานในอนาคต ซึ่ง HANA กำลังพิจารณาลด China Content ลง โรงงานเจียซิงในจีนได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานของลูกค้าสหรัฐฯ ออกไปทั้งหมด แต่ส่วนมากจะย้ายไปที่โรงงานของ HANA ที่ประเทศไทยและกัมพูชาแทน โดยกำลังพิจารณาลดขนาดธุรกิจลง 

 

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจ IC ที่อยุธยายังคงมีอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำที่สุดที่เคยเปิดบริษัทมาที่ 40-45% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้ารายใหญ่หยุดส่ง order และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดย HANA ยังคงมุ่งเน้นการลดต้นทุนเพื่อลดผลกระทบจากความต้องการสินค้าที่ชะลอตัวลง ในทางกลับกัน HANA Cambodia เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น หลังมี Order ย้ายมาจากเจียซิง ขณะที่มีสินค้าใหม่ที่กำลังจะได้ข้อสรุปกับลูกค้าใหม่ แต่ขนาดธุรกิจยังค่อนข้างเล็ก 

 

ธุรกิจ Power Master (PMS) ได้รับประโยชน์จากรายได้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลดต้นทุน แต่จะยังคงมีผลขาดทุนอยู่จนกว่าจะมีการย้ายธุรกิจ Silicon ไปยัง Silicon Carbide เสร็จสิ้น ซึ่งเป้าหมายที่จะถึงจุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA ภายในสิ้นปี 2568 นั้นคงจะยากที่จะทำได้ โดยรวมแล้ว InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 2Q68 ของ HANA จะลดลง YoY และทรงตัว QoQ ซึ่งสอดคล้องกับที่บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ใน 2Q68 จะอยู่ในระดับทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย QoQ (แต่ยังคงลดลง YoY) และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอยู่ในระดับต่ำใน 2Q68

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ราคาหุ้น HANA ปรับลง 2.1% สู่ 19.10 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.7% สู่ 1,189.92 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

InnovestX Research มองว่าแนวโน้มค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากความต้องการสินค้ายังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และคาดว่าความต้องการสินค้าในธุรกิจ EMS IC และ PMS จะยังอยู่ในระดับต่ำใน 2Q68 ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ HANA โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 18.40 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PE 13.5 เท่า หรือ -0.5 SD ของ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การจัดการแรงงานและซัพพลายเออร์ (S)

 

HANA – 1Q68 กำไรสุทธิดีกว่าคาดจากรายได้อื่นที่เกิดขึ้นครั้งเดียว

https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/hana-20250519

 

ภาพ: NIKOLA ILIC PR AGENCIJA ZA DIZAJN STUDIOTRIPOD SURCIN/Getty images 

 

The post HANA – 1Q68 กำไรสุทธิดีกว่าคาด จากรายได้อื่นที่เกิดขึ้นครั้งเดียว appeared first on THE STANDARD.

]]>
BOI เผยยอดจับคู่ธุรกิจชิ้นส่วนอุตสาหกรรมงาน SUBCON พุ่ง 2.2 หมื่นล้านบาท หนุน SMEs ไทยก้าวสู่ Supply Chain ระดับโลก https://thestandard.co/boi-subcon-business-matching/ Tue, 20 May 2025 09:10:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1076362 boi-subcon-business-matching

BOI เผยผลสำเร็จงาน SUBCON Thailand 2025 ยอดจับคู่ธุรกิจ […]

The post BOI เผยยอดจับคู่ธุรกิจชิ้นส่วนอุตสาหกรรมงาน SUBCON พุ่ง 2.2 หมื่นล้านบาท หนุน SMEs ไทยก้าวสู่ Supply Chain ระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
boi-subcon-business-matching

BOI เผยผลสำเร็จงาน SUBCON Thailand 2025 ยอดจับคู่ธุรกิจเกือบ 1 หมื่นคู่ มูลค่าซื้อขายกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ย้ำไทยศูนย์กลางการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมใหญ่สุดในภูมิภาค เปิดโอกาสผู้ประกอบการไทย SME ก้าวสู่ Supply Chain ระดับโลก

 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยผลการจัดงาน SUBCON Thailand 2025 ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568 โดยความร่วมมือระหว่าง BOI สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ว่า การจัดงานในปีนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผู้เข้าร่วมชมงานมากกว่า 46,000 คน 

 

โดยมีคณะผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 68 ราย จาก 13 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส, อิตาลี, สหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, เบลเยียม, สเปน, ลักเซมเบิร์ก, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, อินเดีย, เวียดนาม และไทย มีการเจรจาธุรกิจภายในงาน 9,975 คู่ โดยบริษัทที่ร่วมเจรจาธุรกิจ ได้ประเมินว่าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 22,000 ล้านบาท

 

สำหรับกิจกรรมพิเศษ xEV Sourcing Zone พื้นที่สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ Tier 1 จำนวน 10 บริษัท จัดแสดงชิ้นส่วนที่ต้องการจัดซื้อจากผู้ประกอบการไทยใน Tier 2 และ Tier 3 ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 และเกิดการเจรจาธุรกิจภายในโซน 243 คู่ คาดว่าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนรถยนต์ xEV กว่า 3,650 ล้านบาท

 

“ความสำเร็จของงาน SUBCON Thailand 2025 ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Supply Chain และฐานผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อต่างชาติเป็นจำนวนมาก ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก ย้ำจุดแข็งของไทยในการเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค”

 

โดย BOI มุ่งมั่นสนับสนุนให้เกิดการใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศให้มากที่สุด พร้อมเปิดโอกาสการเชื่อมโยงธุรกิจกับบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ ทั้งการจัดซื้อชิ้นส่วน การว่าจ้างผลิต การร่วมทุน รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถคว้าโอกาสใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกที่ท้าทาย” นฤตม์กล่าว

 

สุภาพ สุวรรณพิมลกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากยางและพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องมือแพทย์, อุปกรณ์ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์, เครื่องจักร, ผลิตภัณฑ์โลหะ ฯลฯ ซึ่งร่วมออกบูธในงาน SUBCON Thailand กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน SUBCON Thailand ตั้งแต่เป็นผู้ประกอบการ SME เมื่อ 19 ปีก่อน จากยอดขาย 100 ล้านบาท 

 

ปัจจุบันมียอดขายเกือบ 1,000 ล้านบาท และมีฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก การเข้าร่วมงาน SUBCON Thailand ในแต่ละปีจะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งจากอเมริกาและเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และมียอดขายในงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อปี

 

“BOI มีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการ SME อย่างมาก โดยเฉพาะกองพัฒนาผู้ประกอบการไทย ที่ผลักดันโครงการต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตทั้งในด้านยอดขายและการพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตและการตลาด ที่บริษัทประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ เพราะ BOI เป็นทั้งผู้สนับสนุนและเป็นโค้ชให้มาตลอดกว่า 20 ปี โดยเฉพาะการเข้าร่วมงาน SUBCON Thailand ตลอด 19 ปีมานี้ มีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถขยายตลาดไปทั่วโลก” สุภาพกล่าว

 

อนุกูล ปทุมสูติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิติเท็กซ์ จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะที่มีความละเอียดสูง กล่าวว่า “บริษัทได้เข้าร่วมงาน SUBCON Thailand มาหลายปีแล้ว ซึ่งเรามองว่างานนี้ช่วยสร้างโอกาสให้ SME เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนที่ไม่สูง อีกทั้งบริษัทยังได้รับโอกาสในการจับคู่ธุรกิจ ที่จะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคต” 

 

ด้านห้างหุ้นส่วนจำกัด สหพรทูล เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่มีความละเอียดและแม่นยำสูง ระบุเช่นเดียวกันว่า ได้เข้าร่วมงาน SUBCON Thailand เป็นปีที่ 4 โดยในแต่ละปีได้รับผลตอบรับที่ดี และมีส่วนสำคัญในการช่วยขยายเครือข่าย เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง 

 

“มาตรการสนับสนุนจาก BOI ช่วยส่งเสริมให้บริษัทสามารถพัฒนาเทคโนโลยี และยกระดับกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ การเข้าร่วมงาน SUBCON Thailand ต่อเนื่องทุกปี คือก้าวสำคัญที่ช่วยเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

The post BOI เผยยอดจับคู่ธุรกิจชิ้นส่วนอุตสาหกรรมงาน SUBCON พุ่ง 2.2 หมื่นล้านบาท หนุน SMEs ไทยก้าวสู่ Supply Chain ระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
EEC เตรียมพลิกโฉมบางละมุงกว่า 1,500 ไร่ ดึงลงทุนสร้าง ‘สปอร์ตคอมเพล็กซ์’ รับบิ๊กอีเวนต์และคอนเสิร์ตระดับโลก https://thestandard.co/eec-sports-complex-investment/ Tue, 20 May 2025 05:18:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1076188 eec-sports-complex-investment

EEC ร่วมมือการกีฬาแห่งประเทศไทย รุกพัฒนาโครงการศูนย์กีฬ […]

The post EEC เตรียมพลิกโฉมบางละมุงกว่า 1,500 ไร่ ดึงลงทุนสร้าง ‘สปอร์ตคอมเพล็กซ์’ รับบิ๊กอีเวนต์และคอนเสิร์ตระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
eec-sports-complex-investment

EEC ร่วมมือการกีฬาแห่งประเทศไทย รุกพัฒนาโครงการศูนย์กีฬานานาชาติผุด ‘สปอร์ตคอมเพล็กซ์’ พื้นที่ 1,500 ไร่ รับการจัดกีฬาระดับโลกภายในโครงการ EECiti อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ดึงการลงทุน หวังสร้างเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลก ตั้งเป้าเสร็จปี 2580

 

จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า ได้ลงนาม MOU ร่วมกับ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อขับเคลื่อนโครงการ ‘ศูนย์กีฬานานาชาติ จังหวัดชลบุรี’ ในพื้นที่โครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ (EEC Capital City: EECiti) ผลักดันให้เกิดโครงการศูนย์ฝึกซ้อมและแข่งขันกีฬาระดับโลก รองรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ

 

ทั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดทำโครงการศูนย์กีฬานานาชาติ ที่จะมีมาตรฐานระดับโลก และเป็นไปตามมาตรฐานที่สหพันธ์กีฬานานาชาติกำหนด บนเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ ภายใน โครงการ EECiti ตำบลห้วยใหญ่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และสามารถรองรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับนานาชาติ

 

นอกจากนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการกีฬาให้กับประเทศ ด้วยการมี ‘สปอร์ตคอมเพล็กซ์’ ที่สามารถใช้สำหรับจัดการแข่งขันกีฬา อีเวนต์เทศกาลขนาดใหญ่ คอนเสิร์ต รวมถึงมีศูนย์การฝึกซ้อมกีฬา ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและเสริมสร้างสมรรถภาพนักกีฬา ศูนย์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การกีฬาระดับโลกสำหรับให้บริการทางการกีฬาอื่น ๆ ด้วย

 

จุฬา ระบุอีกว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ สกพอ. จะเชื่อมประสานกับ กกท. เพื่อเดินหน้าโครงการก่อสร้างเมืองน่าอยู่ให้ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะสนับสนุนระบบนิเวศทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษภายในโครงการ EECiti เพื่อดึงดูดนักลงทุนและจ้างงาน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

 

“คาดว่าจะมีผู้เข้ามาอยู่อาศัยประมาณ 3.5 แสนคน สร้างงาน 2 แสนตำแหน่ง ในระยะเวลา 10 ปี เป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลก ในปี 2580 โดยโครงการ EECiti มีพื้นที่รวมประมาณ 15,000 ไร่ ยังสามารถรองรับโครงการที่สำคัญๆอีกมาก”

 

ไม่ว่าจะเป็น โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว ร่วมกับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular) ที่มีความสนใจต้องการลงทุนในพื้นที่ EEC ต่อไป

The post EEC เตรียมพลิกโฉมบางละมุงกว่า 1,500 ไร่ ดึงลงทุนสร้าง ‘สปอร์ตคอมเพล็กซ์’ รับบิ๊กอีเวนต์และคอนเสิร์ตระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดร.กอบศักดิ์ ชี้ ‘การบริโภคภาคเอกชน-การผลิตของภาคอุตสาหกรรม’ ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย https://thestandard.co/thai-economy-2025-consumption-industry-problems/ Tue, 20 May 2025 04:28:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1076162 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยจากรายงาน GDP ล่าสุด เน้นปัญหาบริโภคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมที่กำลังถดถอย

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ […]

The post ดร.กอบศักดิ์ ชี้ ‘การบริโภคภาคเอกชน-การผลิตของภาคอุตสาหกรรม’ ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยจากรายงาน GDP ล่าสุด เน้นปัญหาบริโภคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมที่กำลังถดถอย

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ รายงานว่า GDP ไทยไตรมาสแรกของปี 2025 ขยายตัว 3.1% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากการเติบโต 3.3% ในไตรมาสก่อนหน้า นับเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน

 

โดย ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “เศรษฐกิจไทยมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกในระดับที่สูงจึงมีโอกาสได้รับผลกระทบมาก โดยช่องทางการส่งผ่านผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ผลต่อการส่งออกโดยตรงไปยังสหรัฐฯ ผลต่อการส่งออกภายใต้ห่วงโซ่อุปทาน การผลิตที่เชื่อมโยงกับสหรัฐฯ และผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก”

 

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์ข้อความให้ความเห็นผ่าน Facebook ในเรื่อง ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ สภาพัฒน์ได้ประกาศ GDP ไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ขยายตัว +3.1% ออกมาได้ดีกว่าที่หลายคนคิด จากการเร่งส่งออก ที่ช่วยให้การส่งออกสินค้า +13.8% ซึ่งจะดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 โดยผู้ประกอบการสหรัฐคงพยายามเร่งนำเข้าก่อนที่จะหมด 90 วัน มีของไว้ก่อน ดีกว่า แม้ว่าจะถูก Tariffs 10% เพราะในอนาคตไม่รู้ว่าจะจบกันอย่างไร

 

ในข้อมูล GDP ของสภาพัฒน์ที่แถลงออกมา มีตัวเลข 2 ตัวที่น่าจับตามองที่จะกดดันเศรษฐกิจไทยไปในช่วงหลายปีข้างหน้า

 

  1. การบริโภคภาคเอกชน ที่ขยายตัวได้เพียง +2.6% ซึ่งน่ากังวลใจ 

 

เพราะปกติแล้ว การบริโภคภาคเอกชนจะมีขนาดประมาณ 55% ของเศรษฐกิจเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยจะคึกคักหรือไม่ ก็จะขึ้นกับว่า คนใช้จ่ายหรือไม่ ซึ่งตัวเลขนี้ควรจะขยายตัวได้ 5-6% แต่ช่วง 4 ไตรมาสสุดท้าย ขยายตัวได้เพียงประมาณ 3% กว่าๆ 

 

ส่วนหนึ่งคงเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยโต และอีกส่วนคงมาจากการที่เราเป็นหนี้กันมาก  มีหนี้ครัวเรือนสูง มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น

 

  1. ตัวเลขที่ยิ่งน่ากังวลใจไปกว่านั้น ก็คือ การผลิตของภาคอุตสาหกรรม

 

ภาคนี้ คือ ภาคที่สร้างรายได้หลักของประเทศ ล่าสุดมีสัดส่วนประมาณ 28% ของ GDP ในช่วงที่เราขยายตัวดีๆ ภาคนี้จะเป็นหัวหอก เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนสำคัญ ที่จะช่วยผลักเศรษฐกิจไทย โดยช่วงปี 2000-2007 ขยายตัวที่ +9.5% และช่วงปี 2010-2018 ขยายตัวที่ +4.1% แต่ 5 ไตรมาสสุดท้าย ขยายตัวเฉลี่ยเพียง +0.5% 

 

ดร.กอบศักดิ์ ระบุว่า เครื่องยนต์ดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าอุตสาหกรรมไทยกำลังตกรุ่น โรงงานกำลังปิด หรือ ลดกำลังการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มยานยนต์ที่กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ 

 

ถ้าเราอยากเห็นเศรษฐกิจไทยคึกคักอีกรอบ นี่คือโจทย์สำคัญที่เราต้องแก้ให้ได้ แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และ สร้างหรือผลัดใบภาคอุตสาหกรรมไทยที่จะมาเป็นรายได้ใหม่ๆ ให้กับประเทศทดแทนการปิดตัวของโรงงานแบบเดิมๆ 

 

ถ้าเราแก้ไม่ได้ เศรษฐกิจไทยก็ยากจะกลับไปโตอย่างที่เราหวังกันถูกเพื่อนบ้านแซง หรือ ทิ้งไว้ข้างหลัง 

 

โชคดีช่วงนี้ คลื่นการลงทุนรอบใหม่ในอาเซียนกำลังมา หลายๆ ประเทศกำลังหลั่งไหลเข้ามาลงทุน หลังจากทิ้งเราไปหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง

 

ถ้าหากว่า เราได้ส่วนแบ่งที่พอสมควร  3-5 ปีให้หลัง เราจะมีภาคอุตสาหกรรมใหม่ที่จะออกดอกออกผลอีกครั้ง เป็นเครื่องยนต์ใหม่ให้เศรษฐกิจไทยไปอีก 15-20 ปี ขอเป็นกำลังใจให้กับ BOI ที่พยายามต่อสู้ ช่วงชิงโอกาสให้ประเทศไทย 

 

ในช่วงเช่นนี้ หาก BOI มีงบ มีคนเพิ่มเติม อนาคตของไทยก็จะสดใสมากขึ้น

 

ภาพ: Phunphitphat / Shutterstock

The post ดร.กอบศักดิ์ ชี้ ‘การบริโภคภาคเอกชน-การผลิตของภาคอุตสาหกรรม’ ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
อังกฤษและ EU ตกลงที่จะรีเซ็ตข้อตกลงหลัง Brexit https://thestandard.co/uk-eu-reset-deal-post-brexit/ Tue, 20 May 2025 02:37:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1076081 เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ลงนามข้อตกลงในกรุงลอนดอนเพื่อรีเซ็ตความสัมพันธ์หลัง Brexit

สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งประวัติศาสต […]

The post อังกฤษและ EU ตกลงที่จะรีเซ็ตข้อตกลงหลัง Brexit appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ลงนามข้อตกลงในกรุงลอนดอนเพื่อรีเซ็ตความสัมพันธ์หลัง Brexit

สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 พฤษภาคม) เพื่อรีเซ็ตความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจากการแยกตัวอย่างตึงเครียดของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปในปี 2020

 

เจ้าหน้าที่อังกฤษระบุว่า การลงนามในข้อตกลงร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก EU ในกรุงลอนดอน ซึ่งครอบคลุมหลายด้าน อาทิ ความมั่นคง พลังงาน การค้า การเดินทาง และประมง ถือเป็น “วันประวัติศาสตร์” สำหรับทั้งสองฝ่าย และเป็น “บทใหม่” ของความสัมพันธ์ที่เคยตึงเครียดหลังยุค Brexit

 

นี่คือประเด็นสำคัญจากข้อตกลง และผลกระทบที่จะมีต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักร:

 

ประการแรก ข้อตกลงนี้จะทำให้การนำเข้าและส่งออกอาหารและเครื่องดื่มของอังกฤษง่ายขึ้น โดยลดขั้นตอนด้านเอกสารที่เคยทำให้รถบรรทุกต้องต่อคิวนานที่ชายแดน การตรวจสอบตามปกติสำหรับผลิตภัณฑ์จากสัตว์และพืชบางรายการก็จะถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์อย่างไส้กรอกและเบอร์เกอร์ของอังกฤษกลับมาขายในสหภาพยุโรปได้อีกครั้ง

 

ในด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปได้ตกลงจัดตั้งความร่วมมือรูปแบบใหม่ เปิดทางให้อุตสาหกรรมด้านการป้องกันของสหราชอาณาจักรเข้าร่วมในกองทุน “Security Action for Europe” มูลค่า 150,000 ล้านปอนด์ (200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ EU เสนอจัดตั้งขึ้น

 

ประเด็นเรื่องการประมง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ซับซ้อนในการเจรจาก่อนการประชุมสุดยอด ได้ข้อสรุปว่า EU จะยังคงมีสิทธิ์ทำการประมงในน่านน้ำของสหราชอาณาจักรไปจนถึงปี 2038 ข้อตกลงนี้เป็นสิ่งที่กรุงบรัสเซลส์ต้องการอย่างมาก เพราะข้อตกลงเดิมกำลังจะหมดอายุในปีหน้า

 

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ จะมีข่าวดีอย่างน้อยหนึ่งเรื่องในข้อตกลงนี้ คือพวกเขาจะสามารถใช้ “eGates” เพิ่มขึ้นในสนามบินของประเทศใน EU โดยไม่ต้องต่อแถวตรวจหนังสือเดินทางเหมือนที่ผ่านมา 

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างสมบูรณ์ เช่น “โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชน” โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมกันหาข้อสรุปในอนาคต เพื่ออำนวยความสะดวกให้เยาวชนสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้ทั่วทวีปยุโรปอย่างคล่องตัวมากขึ้น

 

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า ข้อตกลงที่ได้ในวันนี้ถือเป็น “ประวัติศาสตร์” พร้อมเสริมว่า “สารที่เราส่งออกไปยังโลกในวันนี้คือ พวกเราในยุโรปจะยังคงยืนหยัดร่วมกัน” ขณะที่ประธานสภายุโรป António Costa กล่าวว่า ข้อตกลงเหล่านี้ “ไม่เพียงแค่แสดงถึงความก้าวหน้า แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ได้รับการฟื้นฟูและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” ครอบคลุมประเด็นการค้า การย้ายถิ่นฐาน และความมั่นคง

 

การเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาล Donald Trump ไปสู่แนวทาง Isolationism ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยุโรป เช่น สงครามในยูเครน ได้สร้างแรงกดดันให้สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปต้องเร่งตกลงทำข้อตกลงร่วมกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก เนื่องจากความนิยมในพรรค Reform UK ของ Nigel Farage ผู้วางรากฐานแนวคิด Brexit กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ผลสำรวจของ YouGov ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า ความนิยมของนายกรัฐมนตรี Keir Starmer ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีเพียง 23% ของประชาชนในสหราชอาณาจักรที่มีมุมมองเชิงบวกต่อเขา ในขณะที่ความนิยมต่อนาย Farage และพรรค Reform UK กลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

หนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญที่สุดก่อนการประชุมสุดยอดสหราชอาณาจักร- EU คือเรื่องสิทธิ์ในการจับปลาของเรือยุโรปในน่านน้ำของสหราชอาณาจักร โดยข้อตกลงหลัง Brexit เกี่ยวกับสิทธิ์ในการจับปลานี้มีกำหนดหมดอายุในปี 2026 ขณะที่ฝรั่งเศสและเดนมาร์กต่างผลักดันให้มีการขยายสิทธิ์ดังกล่าวออกไป

 

ปัญหาสำหรับรัฐบาลแรงงานคือการหาทางตกลงในประเด็นยุ่งยากอย่างนี้โดยไม่ให้ดูเหมือนว่าจะกลับไปสู่ความสัมพันธ์แบบก่อน Brexit แต่บรรดาผู้วิจารณ์ข้อตกลงนี้ รวมถึง Farage และผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยม Kemi Badenoch ต่างแสดงความผิดหวังเมื่อรายละเอียดของข้อตกลงถูกเปิดเผยในเช้าวันจันทร์  

 

ภาพ: Henry Nicholls – WPA Pool/Getty Images

อ้างอิง:

The post อังกฤษและ EU ตกลงที่จะรีเซ็ตข้อตกลงหลัง Brexit appeared first on THE STANDARD.

]]>