วันนี้ (24 มิถุนายน) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย พิชิต ไชยมงคล ได้รวมตัวกันที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยมีการตั้งขบวนแห่ป้ายผ้าสีขาวความยาว 100 เมตร เขียนข้อความเรียกร้องให้นายกฯลาออกพร้อมยื่นรายชื่อประชาชนที่สนับสนุนการลาออกให้กับตัวแทนรัฐบาล
พิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท. ได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่า แพทองธารมีท่าทีไม่แสดงการปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ซึ่งพิชิตระบุว่าไม่มีส่วนใดที่เป็นการเจรจาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่กลับเป็นการสร้างจุดอ่อนทางความมั่นคงให้กับกองทัพ และเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบและไร้ภาวะผู้นำ
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องสอบสวนการกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงของแพทองธารจากกรณีคลิปหลุดดังกล่าว จะยิ่งทำให้ขาดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประชาชนจึงนำความคิดเห็นผ่านป้ายผ้าสีขาวมาสื่อสารเพื่อให้นายกรัฐมนตรีรับรู้ถึงความเห็นของประชาชนและลาออกทันที
พิชิตได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา(สว.) 36 คน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาถอดถอนและให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า เป็นกลไกหนึ่งที่ต้องดำเนินการตามระบบนิติรัฐ-นิติธรรม เพราะเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ โดยหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับและปฏิบัติตามคำร้องของกลุ่ม สว. ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัย เพื่อเป็นทางออกให้กับวิกฤตทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตระหว่างประเทศด้วย
สำหรับกิจกรรมของกลุ่ม คปท. ในวันพรุ่งนี้ (25 มิถุนายน) มีกำหนดการเดินทางไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีท่าทีชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาลต่อไป เนื่องจากมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลควรจะถอนตัว ไม่ควรเป็นพรรคที่พายเรือให้กับแพทองธาร ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตทางการเมือง
พิชิตคาดการณ์ว่า รัฐบาลของแพทองธารจะไม่สามารถอยู่ครบเทอมได้ เพราะประชาชนเริ่มตื่นตัว อีกทั้งยังมีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดร้ายแรง ซึ่งมีหน่วยงานที่รับตรวจสอบแล้ว ทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมและความเชื่อมั่นจากประชาชน
ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 3 กองร้อย มาประจำการพร้อมอุปกรณ์โล่กำบัง ตลอดแนวรั้วทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า มาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ราชการสำคัญ บช.น.ได้ประกาศไว้ว่าห้ามเข้ามาใกล้ในระยะ 50 เมตร ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่เข้ามาในพื้นที่เปราะบาง จึงต้องมีการประกาศเตือน
พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คือให้ใช้ความอดทนอดกลั้น บังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการปะทะ และไม่ต้องการให้ตำรวจเป็นคู่ขัดแย้งหรือเพิ่มเงื่อนไขให้ผู้ชุมนุม โดยตำรวจได้วางแนวรักษาพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลไว้และใช้หลักการเจรจา เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพยายามเจรจาให้ผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบ ไม่ทำลายสถานที่ราชการ รวมถึงการใช้เครื่องขยายเสียงไม่รบกวนการเรียน การประชุม ครม. โดยมีการควบคุมระดับเสียงไม่ให้เกินที่กฎหมายกำหนด และใช้เครื่องตรวจวัดระดับเสียงมาตรวจสอบ
สำหรับการกระทำความผิดหรือไม่นั้น พล.ต.ต. อัฏธพร ระบุว่ามีฝ่ายกฎหมายคอยดูแล โดยมีการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเพื่อนำไปวิเคราะห์ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ แม้จะมีการแจ้งการชุมนุมไว้ แต่ฝ่ายกฎหมายกำลังประเมินว่ามีการผิดเงื่อนไขหรือไม่
ส่วนการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าวว่า ฝ่ายข่าวสันติบาลและฝ่ายความมั่นคงจะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติมากนัก แต่พบว่ามีการเชิญชวนประชาชนในระดับท้องที่และต่างจังหวัดให้เข้ามาร่วมชุมนุม ส่วนความเคลื่อนไหวจากนอกประเทศนั้น การข่าวของนครบาลมีทีมติดตามโซเชียลมีเดีย และจะต้องรอรับรายงานทางการข่าวของสันติบาลอีกครั้ง