วันนี้ (15 พฤษภาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ พบหารือกับ ผู้บริหารหอการค้าและอุตสาหกรรมไทยในเวียดนาม (Thai Chamber of Commerce and Industry: ThaiCham) เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนไทยที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนาม เช่น SCG, AMATA, WHA, KASIKORNBANK, EXIM Bank, CP Group, Super Energy, Central Retail, ThaiBev และ Siam Piwat
นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชม ThaiCham ที่เป็นหอการค้าไทยในต่างประเทศที่เข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่ง และกล่าวว่าเป็นการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี และเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการในรอบ 10 ปี ในระดับนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งจะได้นำคณะรัฐมนตรีของไทยเข้าร่วมการประชุม Joint Cabinet Retreat ไทย-เวียดนาม ในวันพรุ่งนี้
เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือและประเด็นในการเจรจาต่างๆ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยง รวมถึงผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับทวิภาคีและในกรอบประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน รับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่มาจากปัจจัยภายนอกภูมิภาค นอกจากนี้เตรียมประกาศยกระดับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้ลึกซึ้งและรอบด้านมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะได้รับฟังและแลกเปลี่ยนมุมมองกับนักลงทุนไทยที่ได้เข้ามาขยายการลงทุนธุรกิจในประเทศเวียดนาม เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการจัดทำนโยบายของไทยที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างระบบนิเวศเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การสร้างความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานโลก การจัดทำเขตการค้าเสรี (FTA) ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ รวมถึงการมีสัดส่วนประชากรในวัยทำงานสูงที่ช่วยส่งเสริมการบริโภค
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้หารือกับภาคเอกชนชั้นนำของเวียดนาม 2 บริษัทสำคัญ ได้แก่ บริษัท SOVICO Group (Vietjet Air) ซึ่งเห็นพ้องในการขยายเส้นทางบินจากเวียดนามไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ที่จะช่วยส่งเสริมการขยายธุรกิจและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศมากขึ้น รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรและศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ซึ่งไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค
ต่อมานายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับ บริษัท FPT Corporation ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของเวียดนาม และดำเนินธุรกิจด้านการศึกษา โดยได้เปิดมหาวิทยาลัย FPT เป็นของตัวเอง ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณที่บริษัทเข้ามาลงทุนในภาคธุรกิจแห่งอนาคต ทั้ง AI และ Data Cloud รวมทั้งการศึกษา และยินดีต่อข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง FPT กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมเชิญชวนให้บริษัทลงทุนในไทยเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยง value chain ระหว่างไทย กับเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
จากนั้นในช่วงเย็นนายกรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมคารวะ เจิ่น แทงห์ เหมิน ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม ในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ และหวังว่าจะขยายความร่วมมือในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์จากกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-เวียดนามให้มากขึ้น และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนิติบัญญัติ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศและความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยนายกรัฐมนตรียังได้เชิญประธานสภาเวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการในโอกาสที่เหมาะสม
นายกรัฐมนตรียังเสนอให้มีการจัดแคมเปญร่วมส่งเสริมธุรกิจและการท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามกับจังหวัดในภาคอีสานของไทย พร้อมมอบหมายให้เมืองคู่มิตรของทั้งสองประเทศกว่า 20 คู่เมือง ดำเนินกิจกรรมเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่น (Business Matching) อย่างต่อเนื่อง และการเชื่อมโยงคมนาคม ทั้งทางบกและเส้นทางการบิน ซึ่งไทยยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวเวียดนาม